บทที่ 2086
เฟนด์ตอบโดยไม่หันกลับมามองพวกเขา “เพราะงั้นคุณคิดว่าเราควรที่จะรออยู่ข้างในเงียบ ๆ อย่างนั้นสินะ? แบบนั้นเราจะไม่ต้องเสียอะไรเลยใช่หรือเปล่า?” การแสดงออกของเฟนด์ยังคงเหมือนเดิมในขณะที่เขาพูด แต่ใครก็ตามที่ฉลาดพอที่จะได้รับรู้ถึงความโกรธของเฟนด์ เจดเป็นพวกใจร้อน เพราะทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างดีเขาก็จะชมไม่ขาดปาก แต่พอเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นเขาก็พูดโพล่งตำหนิในทันที
เจดไม่กล้าเงยหน้ามองเฟนด์แต่ความไม่เชื่อในดวงตาที่ลดลงของเขา “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่รู้สึกว่าเรารีบร้อนออกมามากเกินไป หากเราอยู่ในนั้นต่อไปอีกสักสองสามวัน ปัญหาเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น”
เฟนด์ฮัมเพลงเบา ๆ และเขายังคงจ้องไปยังเบื้องหน้าด้วยดวงตาที่ดูราวกับนกอินทรีของเขา “แล้วก่อนหน้านี้ทำไมคุณไม่แย้งล่ะ? ก่อนหน้านี้คนเอาแต่เงียบ แต่พอเกิดปัญหาขึ้นก็พูดพร่ำมากกว่าคนอื่น” เฟนด์ไม่เคยอยากจะพูดอะไรมากมาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้คนอื่นกล่าวหาเขาตามอำเภอใจ
สีหน้าของเจดดูหม่นหมอง และเขาต้องการจะปฏิเสธเฟนด์ แต่ดไวท์ทนไม่ได้อีกต่อไปและพูดว่า “นายควรหุบปากไปซะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วจะพูดไปให้ได้อะไร”
เจดโกรธจนริมฝีปากสั่น เขาจับจ้องสีหน้าเครียดของดไวท์ด้วยแววตากล่าวหา เขาโกรธดไวท์ที่ดุเขาแทนคนนอก ทว่าดไวท์ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาสนใจในสิ่งที่เจดกำลังคิด ตอนนี้พวกเขาอาจกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดในชีวิต
พวกเขาไม่ลดเสียงลงในขณะที่โต้เถียงกัน และโรบินก็ได้ยินทุกคำที่พวกเขาพูด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเพิ่มขึ้นและเขาคิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าสนุกเพียงใด โรบินหรี่ตาขณะที่เขาพิเคราะห์เฟนด์ขึ้นและพูดว่า “หนุ่มน้อย ดูเหมือนนายจะไม่กังวลเลยนะ ไม่กลัวว่าเราจะหั่นจะหันพวกนายเป็นชิ้น ๆ หรือ? นายอาจไม่รู้ว่าสำนักวายชนม์ของเราเป็นสำนักประเภทไหน ให้ฉันอธิบายเรื่องสำนักของเราให้นายฟังดีไหม?”
คำพูดของโรบินพูดเต็มไปด้วยการถากถาง แต่เฟนด์ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองขณะที่ฟังเรื่องนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าสำนักวายชนม์เป็นสำนักประเภทใด แค่ชื่อก็สามารถอธิบายตัวเองได้แล้ว พวกเขาเป็นสำนักที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีซึ่งบ่มเพาะศิลปะยุทธสายมืด ในความเป็นจริงโรบินพูดสิ่งนี้เพื่อแจ้งให้เฟนด์ทราบว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าเฟนด์และคนอื่น ๆ ด้วยความปราณี พวกเขาวางแผนที่จะทรมานเฟนด์และคนอื่นๆจนกว่าจะเค้นในสิ่งที่เฟนด์และคนอื่น ๆ รู้มา
ในขณะที่ลมพัดผ่านไฟและสายลมนั้นก็พัดผ่านจอนของเฟนด์จนทำให้ปอยผมของเขาปลิวมาคลอเคลียร์อยู่บนแก้ม การแสดงออกของเฟนด์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่าโรบินจะเอ่ยปากขู่ เขาหันกลับมาและชำเลืองมองคนสี่คนที่อยู่ข้าง ๆ เขาคำนวณบางอย่างและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ศิษย์พี่ดไวท์และเจด คุณสองคนช่วยตรึงสามคนนั้นโดยให้ศิษย์พี่อัลเบี้ยนช่วยเหลืออีกแรงได้ไหม พ่อของผมทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะพละกำลังของเขาเทียบอะไรไม่ได้กับพลังจากการโจมตีของคนเหล่านี้เพียงครั้งเดียว”
คนอื่น ๆ ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด ทุกคนมองไปที่เฟนด์ด้วยสีหน้างุนงง โรบินหัวเราะเยาะและจ้องมองที่เฟนด์ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ “นายขอให้พวกเขาตรึงคนของฉันไว้… นี่นายคิดว่านายจะกำจัดพวกฉันได้เร็วพอที่จะทำให้นายหันไปเล่นงานคนอื่น ๆ ที่เหลือได้อย่างงั้นหรือ?”
ยิ่งโรบินคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นเท่านั้น เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร ก็แค่ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในขั้นต้นของระดับแรกกำเนิด แต่ยังกล้าพูดจาเพ้อเจ้อแบบนี้ สมองของเขากระทบกระเทือนหรือเพิ่งฟื้นคืนสติและยังไม่สมประกอบดีกันแน่ แม้ว่าดไวท์จะมองเฟนด์ในมุมที่ต่างออกไป แต่มุมปากของเขาก็ยังไม่วายกระตุกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าจะตอบสนองออกไปอย่างไร