บทที่ 2085
เดเร็กตระหนักได้ทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเหยียดมือออกและตบตัวเองในทันที แน่นอนว่าการตบของเขาไม่ได้รุนแรงแต่อย่างใด นั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ รอยยิ้มคืบคลานมายังใบหน้าของเขา “โธ่เอ้ย ผมนี่มันโง่จริง ๆ! คนพูดถูกแล้ว ขืนเรื่องนี้แพร่ออกไปเราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย คนเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร และพวกเราเพียงคนเดียวก็พอที่จะจัดการกับคนพวกนี้ได้แล้ว”
ดัดลีย์และเดเมียนกระโดดเข้าร่วมวงสนทนาและพูดคำประจบสอพลอ ซึ่งนั่นสร้างความพอใจให้กับโรบินเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นสีหน้าเย็นชาของเขาก็หายวับไป “พวกนายคิดที่จะแจ้งเรื่องนี้แก่ศิษย์พี่ใหญ่ทั้งที่เราบังเอิญเจอเข้ากับพวกขี้แพ้แค่ไม่กี่คนน่ะเหรอ? ศิษย์พี่ใหญ่คงจะคิดว่าเราเป็นพวกขี้แพ้ถ้าเรารบกวนเขาด้วยเรื่องแค่นี้ พวกเขาสามคนอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด ในขณะที่อีกคนหนึ่งอยู่ในขั้นแรก และคนไร้ประโยชน์อีกคนซึ่งอยู่ในระดับติดตัว ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน แม้ว่าจะมีเพียงเราสามคน แต่พวกเขาก็ไม่เหมาะกับเรา!”
พวกเขาทั้งสี่คนอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด โดยเฉพาะโรบินซึ่งกำลังจะทะลวงเข้าสู่ระดับผลึกวสันต์ คนเหล่านี้วางเเผนด้วยความประมาท พวกเขาคิดว่าเฟนด์และพรรคพวกไม่ต่างอะไรกับหมูที่อยู่ในโรงเชือด
แม้ว่าเจดจะโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แต่เขาก็ไม่สามารถหักล้างคำสบประมาทเหล่านั้นได้อยู่ดี คนเหล่านี้พูดถูก พวกเขาไม่เหมาะกับโรบินและพรรคพวกของเขาเลย เพราะเขาถือเป็นศัตรูที่อ่อนแออย่างที่เขาว่า
เจดสูดหายใจเข้าลึก ๆ และอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสามก้าว เขายื่นมือออกไปจับแขนของอัลเบี้ยน “ศิษย์พี่อัลเบี้ยน เราต้องหนี ผมไม่รู้ว่าเราจะจัดการพวกเขาได้หรือเปล่า”
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอัลเบี้ยน “เราจะจัดการพวกเขาได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้น นายคิดว่าพวกเขาจะยอมให้เราหนีไปงั้นหรือ? เราหนีเสือปะจระเข้ ดูเหมือนว่าเราคงถูกกำหนดให้ต้องตายอยู่ที่นี่” หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ อัลเบี้ยนคงจะไม่พูดจาบั่นทอนกำลังใจคนอื่นแบบนี้แต่ปัญหาที่ต้องเผชิญอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นทำให้เขาสูญเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปอย่างช้า ๆ ประกอบกับที่เขายังไม่หายจากบาดแผลก็ยิ่งทำให้เขาท้อใจไปกันใหญ่
แม้ว่าจะปราศจากเสียงพูดคุย แต่โรบินก็อ่านความคิดของพวกเขาออกและหัวเราะเยาะพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง “พวกนายคิดจะหนีอย่างนั้นหรือ? คิดว่ามีปัญญาจะทำอย่างนั้นหรือไง? พลังยุทธของพวกนายรวมกันก็ได้เพียงแค่คนในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดสองคนเท่านั้น ถ้าพวกนายคิดจะสู้กับพวกเราสี่คนนายได้ตายแน่ ๆ!” โรบินเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นในขณะที่เขาพูด และรอยยิ้มของเขาก็กว้างขึ้น
เจดชะงักงัน “คราวนี้เราเสร็จแน่ ผมจะไม่มีวันทิ้งศิษย์พี่อัลเบี้ยนและหนีไปคนเดียว!”
ดไวท์กลอกตาไปที่เจด “นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ฟังดูเหมือนฉันจะทิ้งศิษย์พี่ไว้ที่นี่แล้วหนีไปคนเดียวอย่างนั้นแหละ! ฉันก็จะไม่หนีไปไหนเหมือนกัน ถ้าชะตากรรมของเรากำหนดให้เราตายเราก็จะตายไปด้วยกัน น่าเสียดายทีเดียว… ทั้งที่ เราเพิ่งหนีจากเวทย์กับดักสิบสัมบูรณ์มาได้และเรายังเผลอคิดไปด้วยซ้ำว่าเรากำลังจะรอด ใครจะไปคาดคิด…”
เจดกำหมัดแน่นและเงยหน้าขึ้นมองเฟนด์ “เราไม่ควรมาที่นี่เลยเพราะที่นี่เต็มไปด้วยอันตราย เราควรรออยู่ในนั้นสักสองสามเดือน รอจนกว่าท่านเจ้าตำหนักจะทำลายเวทค่ายกลและกำจัดลาโง่เหล่านี้แล้ว ถึงตอนนั้นเราถึงจะปลอดภัย!” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับความคิดของเฟนด์ และเฟนด์เข้าใจได้ในทันทีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร เขาไม่ใช่คนโง่